วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

Test Drive: Mazda RX-8 



          ในที่สุดก็ได้เขียนถึงรถยอดฮิตรุ่นนี้ซะที ที่บอกยอดฮิตก็เพราะว่าเห็นพวก gray market ขยันสั่งกันเข้ามาจัง ในความเป็นจริง test drive RX-8 น่าจะเสร็จไล่ๆกับ Evo7 เพราะว่ามีรถอยู่ใกล้ๆตัว แต่ไม่ได้เอามาทดลองอย่างจริงๆจังๆซะที ไปๆมาๆ ก็เลยคาราคาซังมาจนถึงตอนนี้แหละ ลองดูก็แล้วกันครับว่า RX-8 คันนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเลยต้อง RX-8 มันมีหลาย spec หลาย typeเหลือเกิน ใจจริงอยากได้ตัวเกียร์ manual 6 speed มา test เห็นเพื่อนขับอยู่ คิดว่ายังไงยังไงก็หนีไปไหนไม่พ้น พอจะเอามา test กลับบอกว่าขายไปแล้ว คราวนี้ซวยเลยหารถไม่ได้ หาได้แต่ตัว automatic มาทดสอบ เท่าที่ทราบรู้สึกว่าตัวนี้จะเป็นตัว 215 แรงม้าด้วย ทำให้ผมพาลคิดไปว่ามันจะรอดรึเปล่าเนี่ย เอาเป็นว่าถ้าผมหาตัว 6 speed ได้แล้วเดี๋ยวจะเขียนให้อ่านกันอีกทีก็แล้วกัน ตอนนี้มาดูตัวเกียร์ auto กันก่อนก็แล้วกันนะ


EngineRotary 2 Piston [Renesis]
Cylinder Capacity1,300 cc
Max. Power215 bhp @ 7200 rpm
Max. Torque164 Nm @ 5000 rpm
Weight/Power Ratio-
TransmissionFR
Gear Box4-Speed Automatic + Tiptronic
0-100- sec
0-400- sec
0-1000- sec
100-0- sec
Top Speed- km/h
Length4,425 mm
Width1,770 mm
Height1,340 mm
Weight- kg (50/50 Weight Distribution)



ภายนอก RX-8 นั้นแตกต่างจาก RX-7 โดยสิ้นเชิง แม้ว่ารูปทรงจะออกโค้งมนเหมือนกัน แต่ขนาดัว RX-8 นั้นใหญ่กว่า RX-7 เยอะ ความเป็น sport ก็น้อยกว่า เพราะดันมี 4 ที่นั่ง 4 ที่นั่งไม่ว่าดันมี 4 ประตูอีกคราวนี้มันเลยยิ่งดูไม่สปอร์ตเข้าไปใหญ่ รูปทรงของ RX-8 นั้นมันออกแนวอวกาศนิดๆ ตัวรถโค้งๆ ป่องๆ บวมๆ มีโป้งขนาดใหญ่ทั้งสี่ล้อ ผมว่ารถมันดูผู้หญิงผู้หญิงแฮะ ไฟหน้าไม่ได้เป็น pop up แล้วแต่เป็นแบบโคมฝั่ง มีไฟต่ำเป็น Xenon ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ได้เป็นแบบ Bi-Xenon มี Fog Lamp มาให้จากโรงงาน พร้อม Sensor Parktornic ให้ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง กลัวคนขับถอยชนถังขยะ และเสาไฟฟ้า ไฟท้ายนี่ เป็นแบบโคมใส หรือที่บางคนเรียกว่าไฟท้าย millennium นั้นแหละ ถามว่าน่าเกลียดไหม ตามความรู้สึกผมก็ไม่เท่าไรเพราะมันมาจากโรงงาน นอกจากนี้ตัวรถที่มันดูล้ำสมัยผสมกับอวกาศนิดๆ เลยทำให้ดูเฉยๆ อันนี้แล้วแต่ชอบก็แล้วกันครับ มีไฟเบรกดวงที่ 3 อยู่ที่ฝากระโปรงท้าย พร้อม spoiler ขนาดเล็ก ดูจุ่มจิ๋ม ไม่ได้ใหญ่โตเป็นราวตากผ้า



ล้อ mag ให้ขนาด 18 นิ้วมาจากโรงงาน ไปๆมาๆเหมือนจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถ sport สมัยนี้ไปซะแล้ว ปกติตาม style รถขับเคลื่อนล้อหลังมักจะให้ยางต่างขนาดกัน แต่คันนี้ดันให้ยางหน้าหลังเท่ากัน แถมขนาดแค่ 225/45 R18 ทำไมงกกันจังท่อไอเสียออกทั้งสองข้างตามสมัยนิยมของรถ sport แรงๆ แม้ว่าจะไม่แรงก็ต้องออกสองฝั่ง เดี๋ยวจะหาถูกหาว่าเชย กันชนหลังเป็นแบบ two-tone โดยชายล่างเป็นสีดำ เหมือนจะเป็น diffuser อันนี้ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าเพราะไม่ได้ก้มลงดูใต้ท้องรถ หากสังเกตดูดีๆ ทางผู้ออกแบบพยายามที่จะแทรกสัญลักษณ์ของตัว Rotor ทรง 3 เหลี่ยม ไว้ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังตรงกลางกันชนด้านล่าง แม้กระทั่งบนฝากระโปรง สงสัยกลัวไม่รู้ว่าเป็นเครื่อง rotary



เจ้า RX-8 เนี่ย ตามความคิดผมคนเดียวเวลาไม่เปิดประตูก็ดูสวยแปลกตาดีอยู่หรอก หากเปิดประตูหน้าอย่างเดียวก็ยังหยวนๆ แต่ถ้าเปิดทั้ง 4 ประตูนี่สิ ไม่ไหวเลยเหมือนตู้กับข้าวสุดๆ ถึงแม้ว่าทางผู้ออกแบบจะบอกว่าต้องการทำรถ sport ที่ให้ผู้โดยสารข้างหลังขึ้นลงได้สะดวก แต่เอาจริงๆความคิดผม รถ sport ก็ยังคงต้องมี 2 ประตู เท่านั้น ไม่ใช่ 4 ประตู ลองนึกดูเล่นๆหาก Ferrari ทำรถ 4 ประตูดูสิคงขัดหูขัดตาชอบกล ( แม้ว่าที่บรูไนจะมีเจ้าชายสั่ง 456 GT สี่ประตูแบบ custom made ผมก็ว่ามันดูน่าเกลียดอยู่ดี) สงสัยผมคงหัวโบราณไปมั้ง
นอกจากนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงไม่รู้ว่า RX-8 เป็นต้นแบบของประตูรถกระบะ แต่คนกลับนึกว่า RX-8 เอารูปแบบการเปิดประตูมาจาก Mazda Freestyle Cab ซะอีก แม้แต่เพื่อนผมยังเคยเจอกับตัวตอนที่เอา RX-8ไปรับสาวๆ โดนผู้หญิงถามว่า “พี่คะ รถพี่เปิดประตูเหมือนรถกระบะเลยคะ รถพี่เลียนแบบกระบะมาใช่ไหมค่ะ” ทำเอาเพื่อนผมหน้าบอกบุญไม่รับไปหลายวัน
ยอมรับครับว่าประตูแบบนี้มันขึ้นลงสะดวกขึ้นเยอะ แต่เวลาที่คนข้างหลังจะลงคุณก็ยังคงต้องเปิดประตูหน้าอยู่ดี แต่ไม่ต้องให้คนนั่งหน้าลงแล้วเลื่อนเบาะให้คนข้างหลังออก พูดง่ายๆก็คือประตูหลังจะไม่สามารถเปิดได้เวลาที่ประตูหน้าปิดอยู่ ข้อดีก็คือเวลาคุณขนสาวๆขึ้นรถและไม่ต้องการให้สาวๆหนีลงจากรถคุณคุณก็ให้พวกเธอนั่งข้างหลังแค่นี้คุณเธอก็หนีลงจากรถไม่ได้แล้วละครับ ข้อเสียคือมันดูไม่ค่อย sport สักเท่าไร เอาเป็นว่าเรื่องประตูตู้กับข้าวของ RX-8 เนี่ยแล้วแต่คนชอบก็แล้วกัน ส่วนตัวผมไม่ว่าจะมองยังไงยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี



ทางด้านเครื่องยนต์แน่นอนว่าต้องเป็น rotary ห้องเครื่องของ RX-8 นั้นเรียบร้อยไม่ได้ดูรกรุงรังเหมือน RX-7 โดยเครื่องตัวนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ทาง Mazda เรียกว่าเครื่อง Renesis ไม่ได้ใช้ turbo แต่เป็น NA ดังนั้นเรื่องที่จะหวังให้มันดึงหนักๆเหมือนรถ turbo นั้นเลิกคิดไปได้เลย โดยเครื่องตัวนี้ได้ผ่านกฎหมายด้านมลภาวะของเมืองนอกเรียบร้อย พูดอีกนัยหนึ่งก็คือมันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเครื่องตัวที่แล้วในรหัส 13B-REW เยอะ
ส่วนเรื่องที่ว่ามันจะเปราะและจุกจิกเหมือนกับที่คนเขากลัวกันรึเปล่าอันนี้ขอบอกตามตรงว่าไม่ทราบ เพราะว่ารถพึ่งออกมาไม่นานเลยยังไม่เห็นใครมีปัญหาเครื่องกระจายกัน รวมถึงความที่มันเป็นเครื่อง NA ยิ่งทำให่โอกาสที่มันจะพังยิ่งน้อยลงกว่าเครื่อง turbo ด้วย



เข้ามาดูภายในบ้าง ภายในของ RX-8 ได้รับการตกแต่งออกมาแบบทูโทน เน้นความเป็น sport และได้แทรกสัญลักษณ์ ของเครื่อง rotary ไว้ไม่ว่าจะเป็นบนหัวเบาพ หรือแม้กระทั่งปุ่ม start เบาะออกแบบได้สวยดีครับ แม้ว่าจะเป็นสีดำแดง แต่ไม่ลิเกเพราะว่ามีไอ้ 3 เหลี่ยมอะลูมิเนียมบนหัวเบาะนั้นแหละทำให้ไม่ดูเลี่ยน
วัสดุที่ใช้ภายในดูหรูหรามีราคามากกว่า RX-7 ที่ใช้ไปสักพักจะมีเสียงก๊อกๆแก๊กๆ ให้รำคาญใจเล่น ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขึ้นแบบรู้สึกได้ ไม่เหมือนใน RX-7 ที่ค่อนข้างแคบและอึดอัด อย่างว่าจะให้ไปเทียบกันก็กะไรอยู่ เพราะ RX-7 มีแค่ 2 ประตู 2 ที่นั่ง (ข้างหลังผมไม่นับเพราะว่าแทบจะนั่งไม่ได้) แต่ RX-8 มี 4 ประตู และ 4 ที่นั่ง กว้างกว่ากันเห็นๆ ที่เปิดประตูหลังจะอยู่ข้างในครับ เวลาอยากจะเปิดประตูหลังต้องเปิดประตูหน้าก่อน เหมือนกับเวลาคุณเปิดตูเสื้อผ้านั้นแหละที่ ต้องเปิดบานที่ทับอยู่ด้านบนก่อนถึงจะเปิดอีกบานได้



พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน หากเป็น 4 ก้านรับรองเชยนรก พร้อมระบบ Multi Function ที่ใช้ควบคุมเครื่องเสียงและระบบ Cruise Control โดยมี Airbags ทั้งฝั่งคนนั่งและคนขับ นอกจากนี้ยังมี สวิทช์สำหรับเปลี่ยนเกียร์ ที่พวงมาลัยตามสมัยนิยมเปี้ยบ โดยสามารถ shift เกียร์ ขึ้นลงได้จากทั้งสองฝั่ง โดยหาดต้องการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นก็ดึงแป้นเกียร์ด้านหลังเข้าหาตัวเอง หากต้องการลดเกียร์ลงก็กดปุ่ม down



นอกจากนี้ยังมีของเล่นอีกอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับขับรถแข่งนั้นก็คือปุ่ม start ตรง console ด้านขวาฝั่งคนขับ ไม่ต้องบิดกุญแจ start อีกต่อไป เพราะใช้การกดปุ่มแทน ทางด้าน หน้าปัทม์มีวัดรอบขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ส่วนมาตรวัดความเร็วเป็นแบบ ตัวเลข digital ทันสมัยแต่อ่านยาก ทางด้านซ้ายเป็นที่วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง พร้อมกับช่องบอกตำแหน่งเกียร์


ที่ถูกใจผมที่สุดเป็น console กลางที่ออกแบบมาได้สวยเฉียบ ดูกลมกลืนกันดีระหว่าง แอร์กับวิทยุ ที่เป็นของ Bose มาให้จากโรงงานเป็นแบบเล่น MiniDisc กับ CD ไม่มีเทปให้เล่นอีกต่อไป ถัดลงมาก็เป็นเกียร์ กับเบรกมือที่ design ที่จับได้สวยแปลกตาดี โดยตัว consoleกลาง นั้นลากยาวตั้งแต่ด้านหน้าจนไปถึงด้านหลัง ทำให้ข้างหลังก็นั่งได้ 2 คนเช่นกัน
ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับรถนำเข้า ไม่งั้นเศรษฐีไทยไม่ชอบนั้นก็คือ moon-roof คันนี้ก็มี ไม่สนหรอกว่าอากาศบ้านเรามันจะร้อนขนาดไหน ขอให้มีไว้ก่อนเพื่อความเท่ห์ ดูง่ายๆ Toyota Wish ที่วิ่งกันเกล่อ ส่วนใหญ่ก็เรื่องตัว Q-Limited ที่มี sunroof ทั้งนั้น ปีนึงเปิดอยู่ไม่กี่หน ไม่เป็นไรขอให้มีไว้อวดชาวบ้านเป็นใช้ได้


เมื่อเดินสำรวจรอบรถเรียบร้อย ก็ถึงเวลาลองขับ RX-8 เสียที เสียบกุญแจเข้าไปพร้อมทั้งกดปุ่ม start ทิ้งไว้สักพัก ผมกับช่างกล้องก็กระโดดขึ้นรถ พร้อมที่จะเอาไปทดสอบ performance กัน คิดไว้ตั้งแต่ก่อนจะออกไปลองว่า มันต้องวิ่งหมาไม่เห่าแน่นอน เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่ ไม่มี turbo เกียร์ auto แถมยังมีแค่ 215 แรงม้า ยังไงก็ไม่น่ารอด ตอนแรกลองวิ่งแบบเรื่อยเปื่อยภายในหมู่บ้าน แล้วก็ช่วงที่มีรถเยอะ สิ่งแรกที่ผมประทับใจก็คือการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดี นั่งสบายกว่าตัวเก่าเยอะ ไม่มีเสียงก๊อกๆแก๊กๆให้รำคาญเหมือนกับใน RX-7 อีกต่อไป ทัศนะวิสัยในการขับขี่ดีขึ้นไม่ค่อยมีมุมอับสักเท่าไร เปลี่ยนเลนแต่ละทีก็เหมือนกับขับรถบ้านทั่วไปนั้นแหละครับ ไม่ต้องเล็งแล้งเล็งอีกเหมือนกับรถ sport บางคัน
เครื่องเสียงติดรถที่ให้มาก็นับว่าใช้ได้แล้วครับไม่ต้องไปเปลี่ยนให้เสียตังค์ เพราะเท่าที่ลองใช้ระหว่างที่ขับก็ OK นะ ถือว่าดีกว่าเครื่องเสียงติดรถทั่วไป



หลังจากทำความคุ้นเคยกับ RX-8 ก็ได้เวลาเอาไปลอง performance กะว่าเอาตรง u-turn นี่แหละ พอกลับรถมาก็กระแทกคันเร่งทันที เสียงเครื่อง rotary ที่ออกแนวแหลมๆ ได้ยินเข้ามาในห้องโดยสารพอให้รู้สึกมันเหมือนจะเร็ว แต่ว่ารถไม่ได้วิ่งไปไหนเลย จนช่างกล้องหันมาถามว่าเมื่อกี้กดมิดแล้วหรือยัง ผมบอกว่าหมดแล้ว RX-8 มันไม่วิ่งอย่างที่คิดจริงๆนั้นแหละครับ มันออกแนวเรื่อยเปื่อยซะด้วยซ้ำ คือไปเรื่อยๆ ไม่ดึงเลยสักนิด เกียร์ auto ก็ทำหน้าที่ได้ดีคือเปลี่ยนเกียร์ไม่กระตุก smooth ดี วิ่งเหมือนรถจ่ายกับข้าว ที่มีแรงม้าสัก 200 ตัว ไม่ได้ให้ความรู้สึกเลยว่ากำลังขับรถ sport อยู่เลย ประมาณว่าถ้าเอาตัวเกียร์ auto นี้ไปวิ่งกับ Integra (DC5) รับรองโดนสวนกระจายในข้อแม้ที่เป็น รถ standard ทั้งคู่นะครับ

ไอ้ครั้งแรกนี้ผมกับช่างกล้องคิดว่าอาจจะมีอะไรผิดปกติก็เลยตัดสินใจลองอีกรอบคราวนี้กะว่าบนทางด่วนให้มันชัดเจนไปเลย กะแช่ตลอดไปจนสุดเดี๋ยวก็รู้ว่ามันจะวิ่งหรือเปล่า เพราะเท่าที่ลองตอนออกมาจาก u-turn นั้นแค่ 2 เกียร์ก็ต้องเบรกแล้ว พอขึ้นทางด่วนปุ๊บกดคันเร่งจนมิด คราวนี้ใข้ mode manual ด้วยกะว่าคงช่วยให้มันเร็วขึ้นสักนิดล่ะ
กดคันเร่งแช่ไว้รถก็ยังคงเหมือนเดิมคือเสียงเครื่องเหมือนกับว่าจะแรง แต่ตัวรถยังคงไปเรื่อยๆเหมือนเดิม ผมได้แต่นั่งหน้าเบ๊ ถึงแม้จะเตรียมใจว่าแล้วว่าคงไม่ได้แรงอะไรนักหนา แต่พอเอาเข้าจริงมันกับ เลวร้ายกว่าที่คิด แม้จะใช้ manual เพื่อเปลี่ยนเกียร์เองที่พวงมาลัยก็เถอะ

เข้าเกียร์ 2-3 ยิ่งหนักกว่าเดิม ตอนแรกนึกว่าจะมีอาการปลายไหลให้ดีใจ แต่เงียบสนิท คือมันก็วิ่งเรื่อยเปื่อยทุกเกียร์ ที่ผิดหวังหนักเข้าไปอีกก็คือไม่ใช่ Sequential ไม่ว่า แต่มันเป็นเกียร์ auto 4 speed นะสิ นับว่าเชยสุดๆ เพราะว่าเดี๋ยวนี้แม้กระทั่งรถบ้านทั่วไปอย่าง Honda Stream ยังให้เกียร์ auto 5 speed เลย นับว่าไม่สมราคารถ คันละ 3 ล้าน เป็นที่สุด

ความเร็วปลายทำได้อยู่ประมาณ 180 กว่าเนื่องมาจาก เหตุผลเดิมคือถูกจำกัดความเร็วตามกฎหมายญี่ปุ่น ถ้าปลดล็อกเดาเอาจากรอบเครื่องคงได้แถวๆ 200 บวกๆ ไม่น่าเกิน 230 ไอ้ช่วงที่กว่าจะถึง 180 นี้ก็ไม่เร็วนะครับ ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ ประมาณว่าถ้าเจอรถ Turbo หรือพวก Civic 3 ประตูวาง B16A modify กล่องซักนิดคาดว่าไม่น่ารอดทั้งต้นและปลาย



อย่างไรก็ดีจุดเด่นของ RX-8 ไม่ใช่พละกำลังของเครื่องยนต์แต่เป็นช่วงล่าง มันดีเกินความแรงของเครื่องซะด้วยซ้ำ คือไม่ได้แข็งจนน่าเกลียดแบบนั่งหัวสั่นคลอน แต่มันออกแนวแน่นๆ เวลาเข้าโค้งรถจะเป็นกลาง ไม่มีอาการ Oversteer เหมือนกับรถขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ RX-7 ให้หวาดเสียว นับว่าช่วงล่างเป็นสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดตั้งแต่ลองขับเจ้า RX-8 คันนี้มา ถ้าพูดกันตามความเป็นจริงก็นับว่าถูกต้อง เพราะความจริงแล้วช่วงล่างต้องดีกว่าความแรงของเครื่องยนต์ stepนึง เพราะจะทำให้คุณสามารถใช้รถได้เต็ม performance
ไม่ใช่มี 5-600 แรงม้าแต่ว่าช่วงล่างไม่ดี คุณก็ไม่สามารถใช้รถคุณได้เต็ม performance หรอก
เท่าที่ลองโยนรถเข้าโค้งดูที่ความเร็วต่างๆรถคุมได้ง่ายมาก ไม่ต้องใช้สมาธิเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหลังทั่วไป ระบบเบรกก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ไม่ได้มีอากาศเบรกไม่อยู่ให้เห็น ถึงแม้จะไม่ได้เบรกดีเหมือนกับ Brembo แต่ก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะตัวรถเองก็ไม่ได้แรงอะไรมากมาย
โดยรวมถือว่าช่วงล่างของ RX-8 นั้นสอบผ่านสบายๆ คือเกาะหนึบหนับกับพื้นถนน แต่ไม่ได้แข็งแบบ Evolution ที่คนแก่ขึ้นรถไปยังไม่ถึงปากซอยก็ขอลงแล้ว พวงมาลัยเฉียบคมควบคุมได้ง่าย ไม่ออกอาการเบาโหวงเหวง จนน่ากลัวเมื่อใช้ความเร็วสูง



รวมๆแล้ว RX-8 ตัวเกียร์ auto ไม่ได้มีความโดดเด่นที่อัตราเร่ง หรือ top speed แต่จุดเด่นของมันคือการควบคุมที่ง่ายแม้ว่าจะอยู่ในโค้ง รูปร่างหน้าตานี้แล้วแต่คนมอง บางคนอาจมองว่า RX-7 สวยกว่า (ผมเองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย) บางคมอาจมองว่า RX-8 นั้นดูล้ำสมัย อันนี้ก็นานาจิตตัง แต่จุดที่ดีกว่า RX-7 ก็คือความเนี้ยบของห้องโดยสาร ที่ดูดีมีราคากว่ากันเยอะ นอกจากนี้ยังเป็นรถที่ดูสปอร์ต แต่สามารถนั่งได้สี่คนสบายๆ ส่วนประตูแบบตู้กับข้าวนี้แล้วแต่คนคิด ถ้ามองเรื่องความสะดวกสบายก็ถือว่าดี แต่ถ้ามองเรื่องความสวยนี้ก็เป็นอีกเรื่อง ทางด้าน performance ถ้าเทียบกับรถ sport ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆในตลาด ในกรณีที่ RX-8 เป็นเกียร์ auto 4 speed ไม่รู้ว่าจะชนะใครบาง เพราะเท่าที่ดูๆถ้าทางจะโดนหมดทุกคัน ไม่ว่าจะเป็น 350Z, Evolution 8, Impreza STI หรือแม้กระทั่ง Integra Type R (DC5) (ส่วน RX-8 ตัวเกียร์ 6 speed ไม่รู้ เอาเป็นว่าถ้าหารถได้เดี๋ยวจะเอามาเล่าให้ฟังอีกที่) แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง RX-8 ก็ราคาถูกกว่าทุกคัน (ยกเว้น DC5) ไม่ใช่ถูกกว่าไม่กี่หมื่น แต่ถูกกว่ากันเป็นแสนๆ บางคันถูกกว่าเป็นล้าน เพราะราคาม RX-8 เกียร์ auto อยู่ตั้งแต่ 3ล้าน จนถึง 3 ล้านกลางๆ แล้วแต่ option


จุดด้อย (หรือจุดเด่น?) อีกประการของ RX-8 ก็คือการที่มันเป็นเครื่อง rotary ทำให้คนมองว่ามันเปราะบาง กินน้ำมันบาง จุกจิกบาง อันนี้ก็แล้วแต่คนคิดแหละครับ เพราะเครื่องของ RX-8 เป็นเครื่องรุ่นใหม่ และไม่ใช่เครื่อง Turbo เหมือนใน RX-7 โดยเครื่องตัวนี้ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นดังนั้น มันคงมีอะไรที่ดีกว่าเครื่องตัวที่แล้วบาง เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้จริงๆก็ต้องลองไปถามคนที่ใช่ดูก็แล้วกันว่าเครื่องของ RX-8 มันเป็นยังไงบ้าง
เรื่อง bodypart และ accessories ที่ใช้ modify นั้นไม่ต้องห่วงเพราะมีเต็มไปหมด โดยเฉพาะของญี่ปุ่นเนื่องจากรถรุ่นนี้เป็นที่นิยมนำมาตกแต่งมากในงาน Tokyo Auto Salon ที่ผ่านมา ดังนั้นหากคิดจะซื้อแล้วกลัวว่าจะไม่มีของเล่นละก็ไม่ต้องกลัวครับ สั่งได้ที่ร้านไหนอย่างไรก็คงรู้ๆกันอยู่



ส่วนเรื่องการ service นั้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรม เพราะความที่เป็นเครื่อง Rotary ทำให้อู่ที่เก่งๆมีอยู่ไม่กี่แห่ง นอกนั้นก็ศูนย์ Mazda ลูกเดียวเพราะว่าทาง Mazda ก็นำรถรุ่นนี้เข้ามาขายเหมือนกัน แต่ว่าจะยอมซ่อมให้รึเปล่านั้นก็อีกเรื่อง เอาเป็นว่าก่อนที่จะซื้อก็ลองถามคนขายดูก็แล้วกันว่าให้ไป service ที่ไหนอย่างไร จะได้รู้ซื้อไปแล้วจะให้ใครดูแล ไม่ใช่ถูกตีหัวเข้าบ้าน


Acceleration
เนื่องจากเป็นเกียร์ auto รึเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้มันอืดซะเหลือเกิน กดยังไงก็ยังวิ่งเหมือนเดิมคือไม่ไปไหน มีดีอย่างเดียวคือเสียงมันฟังดูแล้วแรงดี
5.5
Top Speed
Topspeed ถูก log ไว้ที่ 180 อีกแล้ว แต่ว่าก็คงไม่เกิน 250 แถมกว่าจะไปถึงคงลากกันเหนื่อย
?
Handlingถือว่าเป็นรถที่ช่วงล่างดีมากคันหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นรถขับหลังที่ขับง่ายมาก ตัวรถเป็นกลางตลอดเวลาอยู่ในโค้ง ไม่มีอาการ oversteer ให้หวาดเสียวท้องนอ้ยแต่อย่างใด
8.5
Brake
แม้ว่าจะไม่ได้เบรกดีเหมือนกับ Brembo แต่เมื่อเทียบกับความแรงระดับนี้ก็ถือว่าพอที่จะไม่ต้องใช้ท้ายรถคันอื่นเป็นที่เบรกแล้วหล่ะ
8
Looks
ถ้าไม่เปิดประตูก็ดูสวยอยู่หรอก แต่พอเปิดประตูออกทั้งสี่บานนี่สิ เหมือนกับรถกระบะไม่มีผิด แม้ว่ารถกระบะจะเลียนแบบก็เหอะ
7
Comfort
สบายกว่าตัว RX-7 มากถึงมากที่สุด ภายในตกแต่งได้ดูมีราคาขึ้นเยอะ เบาะก็นั่งสบาย นอกจากนี้ยังมีสี่ประตู ทำให้คุณสามารถพาสาวๆขึ้นรถได้มากถึง 3 คนโดยไม่ต้องเบียดกัน แถมยังมีเครื่องเสียง Bose ให้อีกด้วย แล้วยังต้องการอะไรจากรถ sport อีกล่ะ
8
Daily Usageแอร์เย็น เพลงเพราะ นั่งสบาย ขึ้นลงสะดวก แถมยังเป็นเกียร์ auto ทำให้คุณสามารถนำรถคันนี้ไปได้ทุกที่ทุกเวลา อยากจะขับไปทำงานก็ได้ จะให้แฟนขับไป shopping ก็ได้ไม่มีปัญหา
9
Value
ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับรถ sport นำเข้าจากญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด โดยราคามีตั้งแต่ 3ล้านบาทขึ้นไป แม้ว่าอัตราเร่งจะไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่มีดีที่ช่วงล่าง เมื่อมองว่ามันเป็นเกียร์ auto แถมมีที่เปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยให้กดเล่นแก้เซ็ง ก็ OK
7

More Pictures








อ้างอิง  www.http://articles.motortoday.com/testdrive/RX8/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น